14.3.13

แหวนดอกหญ้า




ผ่านมาจะครบสามเดือนแล้ว เพิ่งมีโอกาสได้เขียนเรื่องนี้...

เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆในงานแต่งงาน ฉันไม่เคยมีความตั้งใจใดๆมาก่อนเกี่ยวกับแหวนเลย และยังไม่ค่อยได้เจอแหวนแบบที่ชอบจริงๆซะด้วย รู้สึกเสียดายสตางค์ถ้าจะต้องซื้อแหวนแพงๆที่เราไม่มีความรู้สึกใดๆให้ ก็ของทุกชิ้นควรได้อยู่กับคนที่รู้คุณค่าของมันไม่ใช่เหรอ ช่วงที่กำลังคิดวนเวียนเรื่องนี้อยู่นั้น ฉันมีโอกาสได้พบคุณนัท AtelierRudee ซึ่งได้รู้จักตอนทำหนังสือ บ้าน บ้าน ฉบับที่ ๓ คุยไปคุยมาก็เกิดความคิดให้คุณนัททำแหวนให้ดีกว่า แนวทางของเธอน่าจะถูกใจฉัน แต่พอคุยไปคุยมาเรื่อยๆ เธอกลับชวนให้ลงมือทำเองซะเลย ฉันตื่นเต้น ดีใจและแอบกังวล ไม่คิดว่าเราจะทำแหวนได้เอง และกังวลว่าตั้ว(เจ้าบ่าว)จะไม่เอาด้วยกับไอเดียนี้ แต่ผลกลับเป็นตรงข้าม เพราะตั้วดูสนุกและตอบตกลงทันที

ไอเดียของแหวนที่เราช่วยกันคิด คือ แหวนดอกหญ้า ฉันคิดว่า ถ้าแหวนแต่งงานจะมีความจำเป็นอะไรสักอย่างกับชีวิตคู่ของเรา มันน่าจะเป็นสิ่งที่คอยเตือนใจ ในวันที่เราอาจทะเลาะ โกรธ เกลียด หรือคิดจะเลิกกัน ให้เรานึกถึงวันเวลาที่เราเพิ่งเริ่มรักกันในวัยเยาว์ ทั้งฉันและตั้ว เรารู้สึกว่าในตัวของเราสองคนมีเด็กที่ไม่อยากโต เวลาดูในหนัง เมื่อเด็กชายอยากบอกรักเด็กหญิง ก็คงมีเพียงแหวนที่พันขึ้นจากดอกหญ้าเท่านั้นเป็นสื่อรัก ฉันชอบความรู้สึกแบบนั้น มันไร้เดียงสา เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ไม่มีเหตุผล ไม่สนใจกฎกติกาของผู้ใหญ่ ความรักของเราก็เป็นแบบนั้น ถึงผลงานที่ออกมาจะไม่สวย ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่แหวนแต่งงานควรจะเป็น แต่ฉันก็ดีใจมากที่เราได้ทำมันขึ้นมาด้วยมือของเราเอง มีรอยนิ้วมือ ความรู้สึกและความทรงจำของเราผนึกอยู่ในนั้น 



ปั้นแว๊กซ์เป็นดอกไม้จิ๋วๆ
แหวนดอกหญ้าที่ยังเป็นแว๊กซ์
ทำสนุกๆ 
แหวนดอกอะไรก็ไม่รู้
เทียบสเกลให้ดูว่าเล็กมาก
ทำไปเรื่อยๆ สนุกมือ
อุปกรณ์ที่ใช้ แท่งแว๊กซ์สีสวยจัง
เสร็จแล้ว แหวนดอกหญ้าและพวกพ้อง เตรียมพร้อมไปเข้าโรงหล่อ
ออกจากโรงหล่อมา โลหะยังถูกเคลือบด้วยผงปูนสีขาวๆ 
ใช้ตะไบค่อยๆขัดให้ผงปูนที่เคลือบผิวออก โดยไม่ให้กินเนื้อโลหะเข้าไป (ได้ใช้โต๊ะช่างทองด้วย)
ขัดเสร็จแล้ว ก็เอามาเผาไฟ
เผาไฟแล้วนำมาแช่ในกรด
แช่กรดแล้วนำมาขัดด้วยแปรงทองเหลือง
แล้วนำมาเผาไฟอีกที ทำสลับกันไปอย่างนี้ซ้ำหลายๆรอบ

แหวนดอกหญ้าและพวกพ้อง ทองและเงิน
  
แบบร่างฝีมือตั้ว เสร็จแล้วเหมือนเลย แค่เราเปลี่ยนใจไม่ใส่เพชรแล้ว